ช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2025 นี้ ข่าวลือการย้ายทีมของ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน (Dominic Calvert-Lewin) กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อมีรายงานจากสื่อเมืองผู้ดีระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมเต็งอันดับ 1 ที่จะคว้าตัวดาวยิงชาวอังกฤษวัย 28 ปีมาร่วมทัพแบบไม่มีค่าตัว หลังเจ้าตัวกำลังหมดสัญญากับ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงสิ้นเดือนนี้
ฟังดูเหมือนเป็นโอกาสที่ดีใช่ไหม? ได้กองหน้าระดับทีมชาติอังกฤษมาแบบ “ฟรี” ไม่ต้องเสียค่าตัวสักเพนนีเดียว แต่ในโลกของฟุตบอล โดยเฉพาะในระดับสูงอย่าง พรีเมียร์ลีก หรือระดับของ แมนยูไนเต็ด ทุกดีลควรถูกพิจารณาอย่างรอบคอบมากกว่าคำว่า “ของฟรี”
เราลองมาวิเคราะห์ให้ลึกลงไปว่า แมนยูควรคว้าตัวคัลเวิร์ต-ลูวินหรือไม่ ทั้งในแง่ฟอร์มการเล่น, ความเหมาะสม, ความเสี่ยงด้านอาการบาดเจ็บ รวมถึงแนวทางของทีมภายใต้กุนซือใหม่ รูเบน อาโมริม (Rúben Amorim)
คัลเวิร์ต-ลูวิน: หน้าเป้าสายอังกฤษของแท้
หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน คัลเวิร์ต-ลูวิน เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่มีอนาคตไกลที่สุดในวงการลูกหนังอังกฤษ ด้วยส่วนสูง 187 ซม. รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่ง เล่นลูกกลางอากาศได้ดี เก็บบอลและพักบอลได้ เขาเหมือนเป็น “หน้าเป้า” ต้นตำรับแบบอังกฤษยุคคลาสสิก
ในฤดูกาล 2020/21 เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับเอฟเวอร์ตัน ยิงไปถึง 16 ประตูในพรีเมียร์ลีก และเคยถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาเรื้อรังของเขาก็คือ อาการบาดเจ็บ และ ความไม่สม่ำเสมอ
สถิติฟ้อง: ลงน้อย ยิงน้อย บาดเจ็บบ่อย
จากข้อมูลสถิติใน 4 ฤดูกาลหลังสุด (2021–2025) คัลเวิร์ต-ลูวิน ลงเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันไปเพียง 93 นัด ในพรีเมียร์ลีก คิดเป็นเฉลี่ยแค่ประมาณ 23 เกมต่อฤดูกาลเท่านั้น
ในฤดูกาลล่าสุด (2024/25) เขาลงสนามไปเพียง 26 นัด และยิงได้เพียง 3 ประตู ซึ่งน้อยกว่า ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund) กองหน้าดาวรุ่งของแมนยูที่ยิงไป 10 ประตูทั้งที่ยังไม่อยู่ในช่วงพีคของชีวิตค้าแข้งด้วยซ้ำ
นี่คือคำถามสำคัญสำหรับบอร์ดบริหารของแมนยู:
“ทำไมเราต้องดึงกองหน้าที่ร่างกายไม่สมบูรณ์และฟอร์มตกมาตลอด 3-4 ปีหลัง?”
แม้จะฟรี แต่ไม่ได้หมายความว่าคุ้ม
หนึ่งในเหตุผลที่สำนักพนันอังกฤษชื่อดังยกให้ แมนยู เป็นเต็ง 1 ในการคว้าตัวคัลเวิร์ต-ลูวิน อาจเป็นเพราะ:
-
มีข่าวเชื่อมโยงกันมาตั้งแต่ปี 2020
-
แมนยูขาดกองหน้าเบอร์ 9 ตามธรรมชาติ
-
เจ้าตัวเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษ
-
การย้ายทีมแบบ ฟรีเอเยนต์ ดูน่าดึงดูดในเชิงการเงิน
แต่ในเชิงกลยุทธ์ การใช้ทรัพยากรกับผู้เล่นที่มี ประวัติอาการบาดเจ็บซ้ำซาก อาจเป็นความเสี่ยงมากกว่าผลดี
แมนยูมีเป้าหมายที่จะ รีบูททีมใหม่ภายใต้โค้ชหนุ่มอย่างรูเบน อาโมริม ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการเล่นฟุตบอลเพรสซิ่งและเกมรุกที่ต้องใช้พละกำลังสูง หากตัวผู้เล่นไม่สามารถตอบสนองในเชิงฟิตเนสและความฟิตได้ ก็อาจไม่เหมาะกับแผนการสร้างทีมใหม่ในระยะยาว
ตัวเลขบอกชัด: อัตราต่อรองแค่ “ปลุกกระแส”?
แม้จะมีรายงานว่า แมนยูคือเต็ง 1 ที่จะเซ็นสัญญากับคัลเวิร์ต-ลูวิน แต่จากข้อมูลของบริษัทรับพนันในอังกฤษ อัตราต่อรองถูกเปิดไว้ที่ 5-1 (20%) ซึ่งไม่ได้สูงอย่างที่คิด
นั่นอาจสะท้อนว่าแม้จะมีข่าวโยงกันจริง แต่ความเป็นไปได้อาจไม่ได้มากมายขนาดนั้น หลายครั้งที่อัตราเหล่านี้ถูกตั้งเพื่อ กระตุ้นตลาดการพนัน มากกว่าจะสะท้อนความเคลื่อนไหวที่แท้จริงในตลาดนักเตะ
มองภาพรวม: คัลเวิร์ต-ลูวิน ไม่ใช่คำตอบที่ใช่
แม้แฟนบอลบางส่วนจะยังหลงเหลือความรู้สึกดี ๆ ต่อคัลเวิร์ต-ลูวินจากช่วงพีคของเขา แต่จากมุมมองของการบริหารทีมระดับท็อปอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดีลนี้อาจไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว
เหตุผลหลักที่ “ไม่ควรเซ็น”:
-
ความฟิตไม่ต่อเนื่อง
-
ฟอร์มตกหลายฤดูกาล
-
สถิติการยิงประตูลดลงต่อเนื่อง
-
ไม่ใช่ผู้เล่นที่เหมาะกับแท็คติกใหม่ของอาโมริม
-
อาจเป็นภาระค่าเหนื่อยในอนาคต
ในขณะที่ตลาดยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าในตำแหน่งศูนย์หน้า เช่น จอช เซอร์เจนต์, ไบรอัน บราเบี้ยน, หรือแม้แต่การปั้น ฮอยลุนด์ ให้ก้าวขึ้นมาอย่างเต็มตัว ก็อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในมุมมองของการลงทุนและการสร้างทีมในระยะยาว
บทสรุป: แมนยูควร “ขอบคุณ” แล้วผ่านดีลนี้ไป
โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน อาจเคยเป็นกองหน้าที่น่าดึงดูดในอดีต และการได้ตัวเขาแบบฟรีอาจดูเหมือนเป็นดีลที่ไม่ควรพลาด แต่เมื่อพิจารณาจาก สภาพร่างกาย ฟอร์มการเล่น และแนวทางของทีม แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรมองหาทางเลือกอื่นมากกว่า
แมนยูไม่ควรดึงตัวคัลเวิร์ต-ลูวินมาร่วมทีม แม้จะฟรีก็ตาม
และสำหรับแฟนผีแดงทั้งหลาย… ตอนนี้ยังไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นหรือกังวล เพราะดีลนี้ยังคงอยู่ในระดับ “ข่าวลือ” และโอกาสเกิดขึ้นจริงก็เพียงแค่ 20% เท่านั้น
ร่วมสนุกกับเว็ปสปอนเซอร์คลิ๊กสมัครได้ที่นี่

