ฟุตบอลยุคใหม่คือการเปลี่ยนผ่าน แต่สำหรับสโมสรระดับท็อปอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การแยกทางกับหนึ่งในมิดฟิลด์ระดับโลกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก และการเข้ามาของดาวรุ่งอย่าง ไรยัน แชร์กี ก็ยิ่งถูกจับตาหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะหลังเกม ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 นัดที่ “เรือใบสีฟ้า” เอาชนะ วีดาด 2-0 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือใหญ่ของทีม ออกมาเปิดใจแบบตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับแชร์กี พร้อมย้ำว่า นักเตะชาวฝรั่งเศสรายนี้ ไม่ได้ถูกดึงมาแทนที่ เดอ บรอยน์ โดยตรง และยังต้องใช้เวลาในการพัฒนา

แมนฯ ซิตี้ แยกทาง เดอ บรอยน์ อย่างเป็นทางการ – ย้ายซบ นาโปลี แชมป์เซเรีย อา
ย้อนกลับไปไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ แฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” ต่างใจหายเมื่อมีการยืนยันว่า เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางคนสำคัญของทีม ได้ตัดสินใจอำลาถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังรับใช้สโมสรมานานถึง 10 ปีเต็ม พร้อมพาทีมคว้าแชมป์มากมาย ทั้งพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมวัย 33 ปี ย้ายไปค้าแข้งกับ นาโปลี แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ด้วยสัญญา 2 ปี โดยไม่ได้รับการต่อสัญญาจากแมนซิตี้ ซึ่งเป็นผลจากแนวทางการวางแผนระยะยาวของสโมสรที่เน้นนักเตะอายุน้อย และฟื้นฟูโครงสร้างค่าเหนื่อย

ไรยัน แชร์กี ย้ายร่วมทัพเรือใบ – ประเดิมเกมแรกไม่สวย
เพื่อเติมเต็มขุมกำลังในแนวรุก และเสริมมิติในแดนกลาง แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าเซ็นสัญญากับ ไรยัน แชร์กี ดาวรุ่งวัย 20 ปี จากโอลิมปิก ลียง ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร (ราว 1,440 ล้านบาท)
แชร์กีถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดของฝรั่งเศสในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยทักษะเฉพาะตัว การจ่ายบอลครีเอทีฟ และการเล่นบริเวณพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ อย่างไรก็ดี การประเดิมสนามของเขาในเกมชนะ วีดาด 2-0 กลับเป็นไปอย่างน่าผิดหวัง
ฟอร์มการเล่นของแชร์กีในเกมนี้ ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชี่ยลมีเดีย แฟนบอลมองว่าเขายังไม่มีความพร้อมสำหรับระดับการแข่งขันสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า “ย้ายมาเพื่อโค่น แมนฯ ยูไนเต็ด” และตั้งเป้า คว้าบัลลงดอร์ ให้ได้ในอนาคต
เป๊ป ย้ำชัด! แชร์กีไม่ได้มาแทน เดอ บรอยน์ – ต้องให้เวลา
หลังจบเกม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้ว่า แชร์กีคือคนมาแทนที่เดอ บรอยน์หรือไม่? ซึ่งเจ้าตัวได้ให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า:
“แน่นอนว่า เควิน หาคนมาแทนได้ยากมาก ไม่มีข้อสงสัยในคุณภาพของเขาเลย แต่สโมสรก็ตัดสินใจแล้วว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง”
“ไรยัน แชร์กี มีทักษะที่ยอดเยี่ยมในการเล่นหน้าเขตโทษ และมองเกมได้ดี เราไม่ได้ดึงเขามาเพราะจะให้เป็น ‘เดอ บรอยน์ คนใหม่’ แต่เพราะเราเชื่อว่าเขามีคุณสมบัติบางอย่างที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นนักเตะระดับสูงในอนาคตได้”
นอกจากนี้ เป๊ป ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในเกมว่า:
“มันเป็นเกมที่หนัก สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยนัก และนี่คือเกมแรกของเขา เขายังต้องใช้เวลาปรับตัวกับระบบและเพื่อนร่วมทีม”
วิเคราะห์เชิงลึก: แชร์กี ต้องอะไรอีกบ้างเพื่ออยู่รอดในทีมเป๊ป?
จากฟอร์มเกมแรกของแชร์กี มีหลายสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า เขายังไม่พร้อมที่จะสวมบทบาทเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 1 ของทีม
-
ความเข้าใจแท็คติกของเป๊ป – แชร์กียังดูไม่เข้าใจวิธีการเคลื่อนที่และระบบการต่อบอลแบบมีรูปแบบของแมนฯ ซิตี้
-
ความฟิตและสปีดบอล – พรีเมียร์ลีกและรายการระดับโลกต้องการสปีดการเล่นที่สูงกว่าลีกเอิง
-
แรงกดดันมหาศาล – การถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เดอ บรอยน์ ตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับดาวรุ่ง
แชร์กี ยังมีอนาคต – แต่ต้องเรียนรู้และพัฒนา
แม้จะเริ่มต้นไม่ดี แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า หากได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากทีมงานโค้ช รวมถึงรุ่นพี่ภายในทีมอย่าง โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา หรือ ฟิล โฟเด้น แชร์กีมีโอกาสเติบโตได้ในระบบของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า
สรุป: แมนซิตี้ ยุคใหม่ยังต้องการเวลา – แชร์กีไม่ใช่เดอ บรอยน์ แต่อนาคตยังเปิดกว้าง
การจากไปของ เควิน เดอ บรอยน์ คือจุดสิ้นสุดของยุคทองหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร และการเข้ามาของ ไรยัน แชร์กี คือการเดิมพันระยะยาวที่ต้องให้เวลา ความสำเร็จของแมนซิตี้ในยุคต่อไปจะขึ้นอยู่กับว่า ดาวรุ่งรายนี้จะสามารถเปลี่ยนเสียงวิจารณ์ให้กลายเป็นเสียงปรบมือได้หรือไม่
แฟนบอลคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมให้กำลังใจเขาในทุกแมตช์ที่จะตามมา เพราะแม้จะไม่ใช่การ “แทนที่” โดยตรง แต่เขาอาจเป็นฟันเฟืองใหม่ในยุคใหม่ของ “เรือใบสีฟ้า”
ร่วมสนุกกับเว็ปสปอนเซอร์คลิ๊กสมัครได้ที่นี่

