แมนยูแจงเหตุห้ามสกรีนชื่อ คันโตน่า-เบ็คแฮม-โรนัลโด้ บนเสื้อตัวใหม่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเผยเหตุผลที่แฟนบอลไม่สามารถสกรีนชื่อของ เอริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บนเสื้อแข่งรุ่นใหม่ได้ โดยอธิบายว่า ทั้งสามตำนานได้ทำการ จดลิขสิทธิ์ชื่อ-นามสกุล เอาไว้ ทำให้แม้แต่สโมสรต้นสังกัดเดิมอย่าง “ปีศาจแดง” ก็ไม่สามารถใช้งานชื่อเหล่านี้ในเชิงพาณิชย์ได้ หากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ
⚽ แฟนบอลสับสน! ทำไมสกรีนชื่อซูเปอร์สตาร์แมนยูไม่ได้?
ประเด็นนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อแฟนบอลรายหนึ่งชื่อ ซิ ลอยด์ ได้โพสต์ภาพจากหน้าจอของร้านค้าอย่างเป็นทางการของ แมนยูไนเต็ด ที่แสดงข้อความเกี่ยวกับข้อจำกัดการสกรีนชื่อบนเสื้อแข่ง โดยหนึ่งในกฎระบุว่า:
“เนื่องจากข้อจำกัดด้านการจดลิขสิทธิ์ เราไม่สามารถสกรีนชื่อ คันโตน่า, เบ็คแฮม และ โรนัลโด้ ได้”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ก็ได้สร้างความสงสัยและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แฟนบอลจำนวนมากแสดงความแปลกใจว่าทำไมถึงไม่สามารถพิมพ์ชื่อของนักเตะในตำนานเหล่านี้ลงบนเสื้อได้ ทั้งที่พวกเขาเป็นไอคอนของสโมสร
📌 เหตุผลหลัก: ชื่อตำนานเหล่านี้ “มีลิขสิทธิ์”
คำตอบชัด ๆ จากทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ นักเตะทั้งสามคน ได้แก่ คันโตน่า, เบ็คแฮม, และ โรนัลโด้ ได้ทำการจด ลิขสิทธิ์ชื่อและนามสกุล ของตัวเองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการป้องกันการนำชื่อไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนั่นรวมถึงการนำชื่อไปสกรีนลงบนผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขาย เช่น เสื้อแข่ง
แม้ว่า “ปีศาจแดง” จะเป็นสโมสรที่เคยมีนักเตะเหล่านี้อยู่ในทีม และมีประวัติศาสตร์ร่วมกันยาวนาน แต่ในทางกฎหมาย หากไม่มีการเซ็นสัญญาอนุญาตการใช้ชื่อในเชิงพาณิชย์จากตัวนักเตะหรือบริษัทที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง สโมสรจึง ไม่สามารถให้แฟนบอลสั่งสกรีนชื่อเหล่านี้ผ่านระบบได้
👕 คำถามยอดฮิต: แล้วถ้า “เราชื่อเบ็คแฮม” ล่ะ?
แฟนบอลจำนวนมากตั้งข้อสงสัยต่อว่า หากตนเองมีนามสกุล “เบ็คแฮม” หรือ “โรนัลโด้” ตามบัตรประชาชน จะสามารถสกรีนชื่อตัวเองบนเสื้อได้หรือไม่?
คำตอบคือ “สามารถทำได้” ตราบใดที่การสกรีนชื่อนั้นไม่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางพาณิชย์ เช่น การนำไปขายต่อ แต่หากชื่อดังกล่าวตรงกับชื่อของนักฟุตบอลระดับโลกที่จดลิขสิทธิ์เอาไว้ ระบบของร้านค้าอย่างเป็นทางการจะมีระบบกรองและเตือนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ตั้งใจ
🔍 ความสำคัญของลิขสิทธิ์ในวงการฟุตบอลยุคใหม่
ปรากฏการณ์นี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของ วงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน ที่นักเตะเริ่มกลายเป็นแบรนด์ส่วนตัว และมองเห็นคุณค่าของชื่อเสียงในมิติของทรัพย์สินทางปัญญา
นักเตะหลายคน รวมถึง เบ็คแฮม และ โรนัลโด้ ได้สร้างแบรนด์ของตัวเองอย่างจริงจัง มีสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ที่จดทะเบียน เช่น CR7 และ DB07 ซึ่งสร้างรายได้อย่างมหาศาลนอกเหนือจากรายได้จากการเล่นฟุตบอล
ดังนั้นการจดลิขสิทธิ์ชื่อจริงหรือนามสกุลจึงเป็นแนวทางปกติของนักกีฬายุคใหม่ เพื่อควบคุมการใช้ชื่อในเชิงการค้า และยังช่วยป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยบุคคลอื่นหรือบริษัทคู่แข่ง
🏟️ แฟนบอลยังสกรีนชื่อนักเตะปัจจุบันได้ตามปกติ
แม้จะไม่สามารถสกรีนชื่อของ คันโตน่า, เบ็คแฮม และโรนัลโด้ ได้ แต่แฟนบอลยังสามารถเลือกสกรีนชื่อของนักเตะในชุดปัจจุบันได้ เช่น บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ได้อย่างอิสระ
ทั้งนี้ นักเตะในทีมชุดปัจจุบันส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการจดลิขสิทธิ์ชื่อในลักษณะเดียวกัน หรือหากมี ทางสโมสรจะมีสัญญาที่อนุญาตให้ใช้งานได้ในบริบทของสโมสรอย่างชัดเจน
📣 กระแสสังคมออนไลน์: บางคนมองว่า “ตลก” และ “ยุ่งยากเกินไป”
โพสต์ของแฟนบอลที่สะท้อนเรื่องการสกรีนชื่อนี้จุดประกายให้เกิดกระแสในโซเชียลมีเดีย ทั้งในเชิงล้อเลียนและวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนมองว่าเป็นเรื่อง ยุ่งยาก และอาจทำให้ความรู้สึกของแฟนบอลต่อสโมสรลดลง เพราะไม่สามารถแสดงความเคารพต่อตำนานที่รักได้
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็มีคนเข้าใจว่ากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในยุคนี้ต้องเข้มงวด และนักเตะมีสิทธิ์เต็มที่ในการควบคุมชื่อของตัวเองในเชิงพาณิชย์
✅ สรุป: ตำนานที่กลายเป็นแบรนด์
กรณีที่แฟนบอลไม่สามารถสกรีนชื่อ คันโตน่า, เบ็คแฮม และ โรนัลโด้ บนเสื้อทีมแมนยูไนเต็ดได้นั้น สะท้อนถึงการที่ชื่อของนักเตะเหล่านี้ได้กลายเป็น เครื่องหมายการค้า ที่มีมูลค่าทางธุรกิจสูง ซึ่งสโมสรเองก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเคร่งครัด
แม้ว่าแฟนบอลอาจรู้สึกเสียดาย แต่ในโลกฟุตบอลยุคใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่าง “กีฬา – การตลาด – กฎหมาย” กลายเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

